วิธีการเลือกบลัชออนยี่ห้อไหนดี ปี 2024 รวมเนื้อฝุ่น ครีม ชิมเมอร์
บลัชออนเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งหน้า เนื่องจากมีบทบาทในการเพิ่มความสดใสให้กับพวงแก้มและให้ใบหน้าดูมีชีวิตชีวามากขึ้น สีสันที่มักจะพบในบลัชออนมักจะเป็นสีชมพู สีแดง และสีส้มที่ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส นอกจากนี้ยังมีสีสุภาพอย่างสีนู้ดน้ำตาล หรือสีชมพูอ่อน ๆ ที่ใช้ในการแต่งหน้าแบบสโมกกี้อาย วิธีการใช้บลัชออนก็มีหลายวิธีแบบต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับรูปร่างของโครงหน้าแต่ละประเภท และยังช่วยให้ได้ลุคที่ไม่เหมือนใครด้วย
ในบทความนี้เราจะมาแชร์วิธีการเลือกบลัชออนพร้อมคำแนะนำจากเชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้า รวมถึงมีการรวมรายการ 10 อันดับของบลัชออนปัดแก้มที่มีให้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบฝุ่น น้ำ แท่ง หรือมูส และมีหลากหลายโทนสีที่สามารถเลือกได้ตามสไตล์และความต้องการของแต่ละคน โดยยังคัดสรรแบรนด์ดังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้ใช้งานหลายคนให้ได้ลองใช้กันดูด้วย
วิธีการเลือกบลัชออน
การเลือกบลัชออนไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เลือกสีที่ชอบหรือสีที่เข้ากับสีผิวก็พอแล้ว แต่ในความเป็นจริงมีสิ่งหลายอย่างที่ต้องคำนึงก่อนการเลือกใช้บลัชออน เช่น ประเภทของบลัชออน และเนื้อสัมผัส ดังนั้นเราได้รวบรวมแนวทางการเลือกบลัชออนไว้ด้านล่างนี้ค่ะ:
- ประเภทของบลัชออน – บลัชออนมีหลายประเภท เช่น บลัชออนฝุ่น บลัชออนน้ำ บลัชออนแท่ง และบลัชออนมูส คุณควรเลือกตามสไตล์และความต้องการของคุณ
- เนื้อสัมผัส – เลือกเนื้อบลัชออนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เช่น สำหรับผิวมันควรเลือกบลัชออนเนื้อบาง เพื่อลดการเกิดความมันบนใบหน้า
- โทนสี – เลือกโทนสีที่เข้ากับสีผิวของคุณ โทนสีชมพู สีแดง และสีส้มจะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส ส่วนสีนู้ดน้ำตาลหรือสีชมพูอ่อน ๆ จะให้ลุคสบายๆ สำหรับการแต่งหน้าแบบสโมกกี้อาย
- ความติดทน – เลือกบลัชออนที่มีความติดทนดี เพื่อให้แน่ใจว่าการแต่งหน้าของคุณยังคงสวยงามตลอดวัน
- แบรนด์ – คุณสามารถเลือกใช้แบรนด์ที่เชื่อถือได้และได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานอื่นๆ อีกด้วย
ด้วยแนวทางเหล่านี้ คุณสามารถเลือกใช้บลัชออนที่เหมาะกับคุณได้อย่างมั่นใจค่ะ
1.เลือกบลัชออนแบบน้ำหรือเนื้อครีม ติดทน ให้สีชัด สำหรับแต่งหน้าทั่วไปในชีวิตประจำวัน
บลัชออนที่เหมาะกับการแต่งหน้าในชีวิตประจำวัน แถมให้ฟินิชมีเม็ดสีที่ไม่แน่นจนเกินไป เราขอแนะนำบลัชออนแบบน้ำและบลัชออนเนื้อครีม ซึ่งทั้งสองแบบนี้จะให้ลุคธรรมชาติ จึงเหมาะกับทุกสภาพผิวและยังเหมาะสำหรับแต่งหน้าในวันสบาย ๆ อีกด้วย
เลือกบลัชออนแบบน้ำหรือเนื้อครีม ติดทน ดูเป็นธรรมชาติ
บลัชออนจะมีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับฟินิชลุคในการใช้ หากต้องการฟินิชลุคที่ติดทน ดูเป็นธรรมชาติสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ขอแนะนำบลัชออนแบบน้ำ หรือเนื้อครีม ซึ่งบลัชออนแบบน้ำเป็นสูตรที่เหมาะสำหรับกับทุกสภาพผิว ติดทนนาน และให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ
ส่วนบลัชออนเนื้อครีมก็สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวได้เช่นกัน แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมัน เพราะบลัชออนเนื้อครีมมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบซึ่งส่งผลให้หน้ามันมากขึ้น โดยบลัชออนเนื้อครีมมีข้อดีคือ ใช้งานง่าย พกพาได้สะดวก สีชัด เกลี่ยง่าย กันน้ำ และกันเหงื่อ นอกจากนี้ บลัชออนเนื้อครีมยังเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาสิว หรือตุ่มนูนบนผิวหน้า โดยบลัชออนเนื้อครีมจะช่วยปกปิดรอยสิวช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
เลือกบลัชออนที่ให้เม็ดสีชัด ไม่ดรอป ไม่เป็นคราบ
บลัชออนที่ใช้แล้วสีชัดติดทนมากที่สุดคือ บลัชออนแบบน้ำและบลัชออนเนื้อครีม โดยมีมีจุดเด่นคือ ติดทนนานและมีความชุ่มชื้นสูง ให้ฟินิชลุคฉ่ำวาว แถมยังให้เม็ดสีชัด ซึ่งเคล็ดลับในการใช้งานคือ ให้ทาก่อนลงแป้งฝุ่นเพื่อกันไม่ให้เป็นคราบ และปัดบลัชออนแบบฝุ่นลงบนแก้มซ้ำอีกครั้ง จะช่วยให้บลัชออนเซ็ตตัวและติดทนนานยิ่งขึ้น
ส่วนบลัชออนแบบอื่น ๆ เช่น บลัชออนเนื้อมูสจะติดทนน้อยกว่าบลัชออนแบบน้ำและเนื้อครีม จึงควรระมัดระวังในการใช้งาน เนื่องจากเกิดคราบได้ง่าย ทั้งนี้ สามารถแก้ไขได้โดยใช้คุชชั่น หรือคอนซิลเลอร์เบลนด์ในส่วนที่เป็นคราบได้
สำหรับบลัชออนเนื้อฝุ่นจะมีความติดทนน้อยที่สุด ส่วนมากเป็นที่นิยมสำหรับคนหน้ามัน เพราะตัวผงฝุ่นจะช่วยซับความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยลดความมันวาวให้สาวผิวมันได้ดี และบางรุ่นอาจผสมประกายชิมเมอร์เนื้อละเอียดเข้าไปเพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติเข้าไปด้วย
การดูว่าบลัชออนรุ่นไหนที่มีเม็ดสีที่ชัด สามารถทำการสวอทสีที่หลังมือของเราได้เลย เพื่อดูว่าบลัชออนมีเนื้อสัมผัสเป็นอย่างไรและมีความคงทนของสีมากน้อยเพียงใด ดังนั้นเราต้องลองทดสอบก่อนเพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้าของเรา
เลือกฟินิชลุคที่เหมาะสมกับสีผิวและธีมงาน สำหรับโอกาสพิเศษหรือไปออกงาน
3.เลือกโทนสีของบลัชออนให้เข้ากับสีผิว
บลัชออนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการแต่งหน้าที่ช่วยให้ผิวดูสดใสและมีเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติ เลือกสีบลัชออนให้เหมาะสมกับโทนสีผิวจึงสามารถทำให้หน้าดูสวยได้อย่างถูกต้อง แต่วิธีการเลือกบลัชออนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องพิจารณาโทนสีผิวและธีมงาน เพื่อให้ได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
การตรวจสอบโทนสีผิวสามารถทำได้โดยการสังเกตสีของเส้นเลือดบริเวณข้อมือ ถ้าเห็นเส้นเลือดเป็นสีเขียว แสดงว่าอาจเป็นผิวโทนเหลือง ซึ่งเหมาะกับบลัชออนสีโทนอุ่น เช่น สีชมพู สีส้ม สีน้ำตาล หรือสีพีช เพื่อทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งและสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับผิวที่มีสองสี ควรใช้บลัชออนโทนชมพูพีช ชมพูกะปิ หรือชมพูอมม่วง เพื่อปรับสีให้สวยงาม แต่ไม่ควรเลือกสีที่อ่อนเกินไป เพราะอาจทำให้ดูซีด เป็นธรรมชาติ หากต้องการความโดดเด่นสามารถเลือกสีที่เข้มหรือมีสีตรงข้ามแซมด้วยได้ เช่น สีส้มสว่าง สีแดง หรือสีแดงอมม่วง สีน้ำตาลตุ่น
สำหรับผิวโทนชมพู ส่วนใหญ่จะเป็นผิวขาว ถ้ามองเห็นเส้นเลือดตรงข้อมือเป็นสีฟ้า และเมื่อใส่เครื่องประดับสีเงินแล้วจะดูเปล่งปลั่ง การเลือกบลัชออนโทนสีอ่อนๆ เช่น ชมพูพีช ชมพูกะปิ หรือชมพูอมม่วง จะทำให้ได้ลุคที่ไม่ดูแรงเกินและดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ หรืออาจเลือกบลัชออนสีโทนเย็นที่ให้ความสดใส เช่น สีชมพู สีม่วง หรือสีสันสดใสอย่างสีแดงและสีเบอร์รี หากเป็นสีบลัชออนโทนอุ่นควรเลือกแบบเจือสีโทนเย็นด้วย เช่น ชมพูอมส้ม แต่ไม่ควรเลือกสีเหลือง หรือส้มจัด
4.หลีกเลี่ยงบลัชออนที่มีส่วนผสมของน้ำหอม พาราเบน หรือน้ำมัน สำหรับผิวแพ้ง่าย
บลัชออนที่มีการใส่สารเคมี เช่น น้ำหอม พาราเบน และซิลิโคน เป็นสารที่สามารถทำให้เกิดการแพ้ได้ น้ำหอมถูกใส่เพื่อกลบกลิ่นของสารตัวอื่น ๆ และทำให้ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นหอม คนที่แพ้น้ำหอมคือ การแพ้แอลกอฮอล์ในน้ำหอม ซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นแดงและคันได้ ส่วนพาราเบน หรือสารกันเสีย อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว ส่วนซิลิโคนเป็นสารให้ความยืดหยุ่น แต่อาจทำให้ผิวอุดตันและก่อเกิดสิวได้
หากต้องการเลี่ยงการแพ้ ควรเลือกบลัชออนที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม พาราเบน และซิลิโคน โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้เป็นประจำ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถทดสอบการแพ้ได้โดยการสวอทสีตามบริเวณเนื้ออ่อน เช่น ข้อพับ หรือหลังหู แล้วทิ้งไว้ 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อทดสอบการแพ้ก่อนเลือกใช้